The History of Blythe



Blythe
ซินเดอเรลลาแห่งวงการตุ๊กตา (1)


หนีไม่พ้นตุ๊กตาจริงๆ ค่ะ แม้จะพ้นช่วงปีใหม่ว่าจะกลับมาเขียนเรื่องการ์ตูนให้ได้ แต่วงการการ์ตูนช่างซบเซาเหลือเกิน ผิดกับตุ๊กตาที่คึกคักออกมาละลายทรัพย์ช่วงคริสต์มาสกันมากมาย คุยกับสหายที่รักตุ๊กตาก็ได้ความว่า นอกจาก Ball joint doll ตุ๊กตาข้อต่อเทพแล้ว ยังมี Blythe ซึ่งเป็นตุ๊กตาอีกแนวหนึ่งเน้นแฟชั่นทันสมัยจี๊ดจ๊าดเป็นจุดขาย

"หมายถึงตุ๊กตาหัวโตๆ หน้าผากเถิกๆ นั่นน่ะนะ"
แอบคิดในใจแต่ดังไปหน่อย
"พูดงี้ลบหลู่ของสูง ไปสืบประวัติมาเลยไป ของเขาออกจะน่ารัก"

เลยกลายเป็นหน้าที่เราหาประวัติความเป็นมาเฉยเลย

Blythe (อ่านว่า บลายธ์) เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงสูงสิบกว่านิ้วค่ะ ถือกำเนิดครั้งแรกในปี 1972 (คือ 37 ปีก่อน) โดยวางจำหน่ายครั้งแรกในนามบริษัท Kenner ความที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น (น่าจะตรงหน้าผากกว้างใหญ่ไพศาลและตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย) และเป็นที่ถูกใจเนื่องจากสามารถกลอกตาไปมาและกะพริบตาได้ เมื่อดึงเชือกที่หลัง ทำให้ได้รับความนิยมพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม บลายธ์ไม่ค่อยประสบความสำเร็จด้านยอดขายนัก จึงจำเป็นต้องหยุดการผลิตลงในปีนั้นเอง

ห้าปีต่อมา "จีน่า กาเรน" โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์คนหนึ่งมีเพื่อนทักว่าหน้าเธอเหมือนบลายธ์เลยนะ เธอดีใจมากและหิ้วบลายธ์ไปท่องเที่ยวและทำงานด้วย พร้อมทั้งชักภาพบลายธ์กับสถานที่ต่างๆ รอบโลก จนกระทั่งในปี 1999 จีน่าได้พบกับ "จุนโกะ หว่อง" แห่ง Parco ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในญี่ปุ่น จุนโกะเสนอโปรเจ็คต์ให้นำบลายธ์มาปรากฏโฉมในแคมเปญคริสต์มาสปี 2000 ของห้างสรรพสินค้า ซึ่งทาง Parco ชอบไอเดียนี้และยินดีให้ทำโฆษณา 15 วินาที ทางโทรทัศน์สำหรับแคมเปญ

โฆษณาทาง TVCF นี้จึงกลายมาเป็นตำนานบทที่หนึ่ง ของการเปิดตัวบลายธ์สู่สายตาชาวญี่ปุ่น

ความสำเร็จของโฆษณาสั้นๆ ทำให้จีน่าตัดสินใจพิมพ์สมุดรวมภาพถ่ายบลายธ์ออกมา ชื่อว่า "This is Blythe" ซึ่งรวบรวมภาพที่เธอเดินทางไปทั่วโลกพร้อมน้องบลายธ์ของเธอ ความดังของบลายธ์ทำให้ห้าง Parco ตัดสินใจใช้ตุ๊กตาสาวน้อยหัวโตตัวนี้ เป็นพรีเซนเตอร์ต่อเนื่อง เพราะแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน คนก็ยังพูดถึงโฆษณาช่วงคริสต์มาสอยู่ไม่สร่าง และแล้วน้องบลายธ์จึงโลดแล่นอยู่บนจอ จนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2001 และได้รับเลือกเป็น image model ของห้าง Parco ในที่สุด

น้องบลายธ์ยังโด่งดังไม่หยุดเมื่อห้าง Parco จับมือกับ Takara ผู้ผลิตของเล่นเด็กยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ผลิต "Neo Blythe" (นีโอบลายธ์) ออกมา รุ่นแรกสุดคือ Parco Limited เปิดจำหน่ายครั้งแรกในงานแสดงภาพถ่ายบลายธ์ของจีน่าที่ห้าง Parco นั่นเอง เชื่อไหมคะว่ามีแฟนๆ น้องบลายธ์ต่อคิวรอซื้อเธอที่หน้าห้าง 1 วันก่อนเปิดจำหน่าย!! เรียกว่ากินนอนกันตรงนั้นเลย และน้องบลายธ์ก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง

ความน่ารักของบลายธ์ทำให้แฟนๆ อยากออกแบบชุดให้เธอจนกลายเป็นงานประกวดย่อมๆ เหล่าดีไซเนอร์มืออาชีพหลายคน ก็เต็มใจตัดชุดในคอลเลคชั่นล่าสุดขนาดพิเศษให้บลายธ์ ส่งผลให้มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาพร้อมแฟชั่นอินเทรนด์ เรียกว่าดังทั้งตุ๊กตาทั้งเสื้อผ้าจนกระทั่งเดือนมีนาคม 2002 บลายธ์ได้กลายเป็นนางแบบประจำของนิตยสาร Vogue Nippon เธอสวมชุดจากดีไซเนอร์ชั้นนำที่บรรจงตัดขนาดบลายธ์ (สูง 12 นิ้ว) ให้โดยเฉพาะ และมีการนำบลายธ์สวมชุดแบรนด์เนมเหล่านี้มาประมูลเพื่อหาเงินเข้ากองทุน UNICEF ด้วยค่ะ

เพียงแค่ปีแรกของการเปิดตัว น้องบลายธ์ก็กลายเป็นยิ่งกว่าซินเดอเรลลาที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝัน เธอเบิกทางด้วยการถ่ายแบบเป็นพรีเซนเตอร์ เป็นอิเมจโมเดล และสุดท้ายคือ ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสาร แถมยังมีส่วนร่วมในงานการกุศลด้วย แต่ความโด่งดังของเธอยังไม่หมดเท่านี้ค่ะ สัปดาห์หน้าเราจะมาต่อภาคสองระหว่างรอให้น้องบลายธ์ตัวเป็นๆ ที่สั่งซื้อมาถึง

อยากรู้จริงๆ ว่าตุ๊กตาหัวโตตัวนี้มีดียังไง...เหมือนได้ยินเพื่อนแหวมาแต่ไกลว่าห้ามลบหลู่!!



Blythe ซินเดอเรลลาแห่งวงการตุ๊กตา (2)

จากสัปดาห์ที่แล้ว เราแนะนำความเป็นมาและการเข้าสู่วงการแฟชั่นของ Blythe (บลายธ์) ตุ๊กตาหัวโตที่เป็นทั้งนางแบบประจำ อิเมจโมเดล พรีเซนเตอร์ ฯลฯ และเป็นทูตแห่งแฟชั่นในญี่ปุ่น วันนี้จะมาต่อประวัติศาสตร์ของเธอเมื่อผ่านไป 1 ปี หลังเริ่มผลิตค่ะ

ปี 2002 ในวันเกิดครบรอบ 1 ปีของเธอ งานแฟชั่นโชว์ในญี่ปุ่นซึ่งรวม 14 แบรนด์ดังร่วมแสดงได้จัดงานฉลองวันเกิดบลายธ์ผ่านการจัดนิทรรศการหลากหลายสถานที่ในญี่ปุ่น มีทั้งภาพถ่ายบลายธ์ของจีน่า ผู้ถ่ายภาพบลายธ์จนโด่งดัง จนกระทั่งโชว์ตุ๊กตาบลายธ์รุ่นคลาสสิคมากมายรวมถึงบลายธ์สวมชุดที่ใช้ในงานแฟชั่นโชว์ปีนั้นด้วย ความเป็นนางงามอย่างแท้จริงของบลายธ์ปรากฏ เมื่อมีการประกาศว่า รายได้จากการประมูลบลายธ์ทั้ง 35 ตัว ที่จัดแสดงครั้งนั้นมอบให้มูลนิธิเช่นเดิม ตอนนี้เพิ่งสังเกตว่ามีตุ๊กตารุ่นเล็กออกมาคู่กันด้วยค่ะ "Petite Blythe" ด้วยความสูงแค่ 1 ใน 3 ของน้อง Blythe จึงทำให้มีข้อจำกัดด้านความละเอียดของชุดพอสมควร อย่างไรก็ตาม ราคาที่หารสามก็ทำให้แฟนๆ หลายคนเลือกซื้อมาเป็นเจ้าของได้สะดวกใจมากขึ้นค่ะ

ในเดือนธันวาคมของปี 2002 บลายธ์ยังดังจนฉุดไม่อยู่เมื่อมีการจัดประกวดภาพถ่ายบลายธ์ขึ้น โดยประกวดใน CWC แกลเลอรี่ในโตเกียวซึ่งมีบรรณาธิการแฟชั่นจาก Vogue Nippon และนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง "ไอ ยาซาว่า" (ผู้สร้าง Paradise Kiss ที่มีแต่แฟชั่นงามๆ ทั้งเรื่อง และ Nana ที่กลายมาเป็นภาพยนตร์โด่งดัง) รวมถึงเหล่าผู้มีส่วนร่วมในการถือกำเนิดบลายธ์เป็นคณะกรรมการ...อะไรจะขนาดนั้น

จนกระทั่งวันเกิดสองขวบของบลายธ์ในปี 2003 เหล่าแฟชั่นแบรนด์ก็ยังคงตัดเย็บชุดขนาดพิเศษสำหรับตุ๊กตา 44 ตัว ให้จัดแสดงเช่นเดิม ปีนั้นเป็นช่วง Healthy Boom อะไรก็เป็นกีฬาไปหมด น้องบลายธ์จึงออกรุ่นจำกัดจำนวน Courtney Tez by NIKE ออกแบบโดยเจ้าแห่งสปอร์ตแฟชั่นไนกี้เป็นแนวสปอร์ตเกิร์ลอินเทรนด์สุดขีดค่ะ

และแล้วในวันเกิด 3 ขวบของบลายธ์ เรื่องเศร้าจากเหตุการณ์สึนามิ ทำให้เธอปรากฏตัวในงานแฟชั่นโชว์เจ้าเก่าด้วยธีม "อาร์ตแอทแทค!" (Art Atack!) รายได้จากการประมูลบลายธ์ในชุดแฟชั่นสุดหรูกว่า 70 ตัว บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสึนามิทั้งหมดเลยค่ะ

ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของเธอ ทำให้น้องบลายธ์ต้องเดินสาย "Doll Tour" ไปทั่วญี่ปุ่น และเมื่อชาวโลกร่ำร้องถึงเธอ น้องบลายธ์ก็จำต้องเดินทางไปทัวร์ทั่วโลกไกลถึงสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ระหว่างที่เธอกำลังเดินสายอย่างขะมักเขม้น ในญี่ปุ่นก็ตีพิมพ์หนังสือรวมภาพของเธอออกมามากมาย และในที่สุด...จุดสูงสุดของเหล่าสาวกแฟชั่นก็เปิดประตูต้อนรับน้องบลายธ์เมื่อเธอได้เปิดตัวในงาน "ปารีสแฟชั่นวีค" ในปี 2006!! งานที่ถือเป็นสุดยอดแฟชั่นโชว์จากทั่วโลกค่ะ!! ในงานนี้นางแบบจะสวมชุดและถือบลายธ์ที่สวมชุดแบบเดียวกันออกมาด้วย มุขอุ้มบลายธ์นี้โด่งดังจนงานโตเกียวแฟชั่นโชว์ปีนั้นขอเก็บไอเดียไปใช้บ้าง และหลังงานนี้น้องบลายธ์เลยได้โชว์ตัวถาวรอยู่ในแกลอรี่ลาฟาแยตที่ปารีสเลยค่ะ

ในเมืองไทยเองทราบว่า มีกลุ่มคนรักบลายธ์อยู่พอสมควรเลยค่ะ มีร้านค้าที่จำหน่ายบลายธ์และร้านค้าออนไลน์อยู่บ้าง และดาราสาวไทยคนหนึ่งชื่นชอบบลายธ์เนื่องจากหน้าคล้ายเธอด้วยค่ะ ทายสิคะว่าใคร...ให้เวลาคิด 10 วินาที...หมดเวลาแล้วค่ะ! เธอคือ คุณชมพู่ อารยา ค่ะ (เหมือนจริงๆ) สำหรับสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดเก๋แต่จะหามาปรุงแต่งตัวเองก็แพงเกินงบฯไปหน่อย ลองหันมาแต่งตัวให้น้องบลายธ์บ้างก็สนุกไปอีกแบบนะคะ เพียงแต่ต้องระวังราคาแสนแพงของพวกเธอหน่อยค่ะ ราคาตัวละ 3-4 พันบาท สำหรับ Neo Blythe รุ่นธรรมดาเลยค่ะ รุ่นพิเศษจำกัดจำนวนอาจราคาพุ่งขึ้นไปถึงหมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว

แต่ยังไงก็ย่อมเยาว์กว่า Ball joint doll ตุ๊กตาข้อต่อเทพแค่ 5-10 เท่าเท่านั้นเองล่ะค่ะ...เหมือนได้ยินเพื่อนตะโกนมาอีกแล้วว่าอย่าลบหลู่!! จ้ะๆๆ ...รู้น่าว่ารักเหมือนลูกในอุทร จิกกัดนิดหน่อยล่ะไม่ได้เชียว

No comments:

Post a Comment